หากคุณเป็นคนวัยทำงาน หรือเป็นบุคคลที่มีอาการสูงวัย ก็จะมีอาการปวดบ่าปวดคอ ปวดไหล่รวมไปถึงปวดหลังร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้จะแตกต่างกันไป แต่แน่นอนว่าทุกอาการจะสร้างความเจ็บปวดและจะส่งผลกระทบถึงคุณภาพชีวิตในแต่ละวัน ทำให้ช่วยลดประสิทธิภาพของการทำงาน และที่สำคัญหากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานาน อาจจะมีโรคอื่นเรื้อรังตามมาได้ เพราะส่วนใหญ่นั้นผู้ป่วยจะมีอาการแทรกซ้อน หลังจากที่มีอาการเจ็บป่วยเช่นนี้ ความแตกต่างของการปวดคอ ปวดบ่า และปวดไหล่นั้นแต่อยู่คนละโซนกัน แต่มักจะเกิดอาการเจ็บได้พร้อมๆ กันเนื่องจากจะอยู่ในบริเวณเดียวกันของร่างกาย
หากเกิดอาการปวดไหล่ ปวดบ่า ควรรักษาก่อนเป็นเรื้อรัง
เนื่องจากคนเราจะต้องมีการเคลื่อนไหวและทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันอยู่บ่อยครั้ง โดยที่อาจจะส่งผลให้เกิดความเสื่อมสภาพไปของร่างกาย ไม่ว่าอวัยวะ รวมถึงหัวไหล่ต่างๆ ซึ่งหากคุณปล่อยทิ้งไว้ยาวนานจนเกิดอาการเรื้อรังนั้น อาจจะไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพในอนาคตอย่างแน่นอน โดยอาการปวดที่ได้พบได้มากก็คือ การหักโหมออกกำลังกายหนักเพื่อทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาด การเกิดอุบัติเหตุและการทำงาน อาชีพของแต่ละคน ซึ่งสาเหตุของการเจ็บปวดจะเป็นตัวชี้วัดเลยว่า ผู้ป่วยจะต้องรักษาตัวด้วยวิธีใด ปัญหาอาการปวดบ่า ปวดไหล่เหล่านี้ อาจจะเกิดจากความผิดปกติของกระดูกในร่างกายก็ได้เช่นกัน หากไม่ได้มีการทำงานหนัก อาการเจ็บหัวไหล่ อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด วัณโรค ไทรอยด์ รวมไปถึงกระดูกต้นคอเสื่อมได้ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะพบได้ทุกเพศทุกวัย
แนวทางในการรักษาอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
อาจจะใช้ยาในการรักษาอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น กล้ามเนื้อยอก กล้ามเนื้อเคล็ด
การรักษากันแบบประคับประคองไปก่อน สำหรับบุคคลที่ไม่ได้ปวดรุนแรง เป็นการรักษาตามอาการ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน การเดิน การนั่งและการนอนก็สิ่งที่สำคัญ การหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักเกินไป เป็นต้น
การเอกซเรย์สังเกตอาการกระดูกคอ เพื่อดูว่ามีอาการเสื่อมสภาพมากเกินไป หรือจะเป็นโรคเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกคอ จะได้รักษาวิธีต่อไปหากเกิดปัญหา
ในส่วนของบุคคลที่มีอาการป่วยเรื้อรัง อาจจะรักษาด้วยวิธีปกติที่ไม่หาย ต้องมีการทำท่าบริหาร กายภาพบำบัดร่วมด้วย จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งการออกกำลังกายตาม Cross โปรแกรมรักษาที่ต้องใช้เวลาติดต่อกัน การใช้เครื่องมือกายภาพ รวมไปถึงการใช้เลเซอร์รักษา, shock waves
การออกกำลังกายเพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นเพิ่มในอนาคตสำคัญเพื่อให้กล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ และส่วนอื่นของร่างกายนั้นแข็งแรงมากยิ่งขึ้น หากคุณเป็นคนที่มีอาการเจ็บปวดเป็นต้นทุนเดิมควรที่จะออกกำลังกายเบาๆ เช่น การวิ่งเยาะๆ โยคะ รวมไปถึงการว่ายน้ำ ในกรณีที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายเพราะทำงานหนัก การออกกำลังกายบนที่นอนก็สามารถทำได้
การรักษาอาการปวดคอ ปวดบ่าและปวดหัวไหล่ อาจจะต้องใช้ระยะเวลา ในการช่วยทำให้กลับมาสู่สภาพเดิม อาจจะไม่ได้หายรวดเร็วในช่วงแรก ดังนั้นจึงจะต้องทำใจและทำความเข้าใจก่อน ไม่ควรเครียดมากเกินไป เพราะหากการรักษาของทุกท่านอยู่ในสภาวะตึงเครียด อาจทำให้ส่งผลต่อสภาพจิตใจร่วมด้วย ดังนั้นจึงควรที่จะลดความเครียด ไม่ควรกดดัน จะทำให้การรักษาทำได้ช้าลง
สรุป
การเกิดอาการปวดไหล่ ปวดบ่านั้น หากปล่อยไว้เรื้อรังมีอาการเจ็บปวดมากขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวข้อหัวไหล่จะทำได้ยากลำบากมากขึ้น และอาจจะส่งผลถึงการเคลื่อนไหวช้าลง ดังนั้นทุกท่านที่มีอาการเจ็บไหล่อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ควรที่จะรักษาให้ได้มากที่สุด เพราะหากเกิดอาการรุนแรง การรักษาให้หายขาด อาจจะทำได้ยากมากยิ่งขึ้น และจะส่งผลถึงสุขภาพร่างกาย บุคลิกภาพ และสุขภาพจิตใจในอนาคตที่แน่นอน