เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเผชิญกับความทุกข์ทรมานของอาการ ปวดหลัง เพราะในแต่ละวันเราต่างต้องทำงานเป็นเวลานาน อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย จึงกลายเป็นเรื่องปกติในสายตาใครหลายคน บางคนอาจทานยาแล้วหาย หรือนอนพักแล้วหาย แต่หากใครมีอาการ ปวดหลัง ไม่หาย ปวดจนร้าวลงขา ปวดบริเวณหลังส่วนเอว ร้าวลงไปจนถึงบริเวณสะโพก อาจร้าวข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง มีอาการ ปวดหลัง เป็นๆหายๆ โดยลักษณะจะเป็นการปวดอยู่ข้างใน ไม่มีจุดที่กดเจ็บชัดเจน มีอาการปวดติดต่อกันนานมากกว่า 2 สัปดาห์ ในบางรายอาจมีอาการขาชาและอ่อนแรงร่วมด้วย อาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญานเตือนที่ควรระวัง ซึ่งอาจเกิดจาก หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คือภาวะที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของโครงสร้างกระดูกสันหลัง ทำให้ทรุดตัวและไปกดเบียดเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทเกิดการอักเสบ ซึ่งหมอนรองกระดูกสันหลัง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
- ส่วนที่อยู่บริเวณศูนย์กลาง มีลักษณะอ่อนนุ่มคล้ายเจลลี่
- ส่วนที่อยู่โดยรอบ มีลักษณะเหนียวและหนาคล้ายเอ็น
- ส่วนที่ยึดติดกับข้อกระดูกสันหลัง มีลักษณะคล้ายกระดูกอ่อน
ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก มีหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวและรับแรงกระแทกของกระดูกสันหลัง หากกระดูกสันหลังถูกใช้งานหนัก ใช้งานผิดท่า รับน้ำหนักมากเกินไป เกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลัง หรือกระดูกสันหลังเสื่อมตามอายุ ก็อาจจะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังแตกและปลิ้นออกมาจนทรุดตัวและไปกดเบียดเส้นประสาทในที่สุด โดยอาการของโรค หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ส่งผลกระทบต่อหลายส่วนในร่างกาย ดังนี้
อาการปวดที่หลัง
หากโรค หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทเกิดที่บริเวณกระดูกสันหลังส่วนล่าง ผู้ป่วยจะมีอาการ ปวดหลัง บริเวณเอว สะโพก และมักปวดร้าวลงขา แต่หากหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทเกิดที่บริเวณสันหลังส่วนคอ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดคอและร้าวลงแขน
อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและชา
เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับด้วยหมอนรองกระดูกสันหลังจะทำให้มีความผิดปกติในการทำงานของเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดอาการชา หรืออ่อนแรงของ แขน มือ ขา หรือ เท้าได้
ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
ในผู้ป่วยบางรายที่มีการกดทับไขสันหลังรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมการขับถ่าย
ระดับความรุนแรงของโรค หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
ระยะเริ่มแรก เมื่อหมอนรองกระดูกสันหลังเริ่มมีความเสื่อม จะทำให้เกิดอาการ ปวดหลัง เรื้อรัง โดยอาการปวดในช่วงแรกอาจเป็นๆหายๆ ก่อนจะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความทรมานหรืออาจเกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ระยะปานกลาง เป็นระยะที่หมอนรองกระดูกเริ่มเคลื่อนหรือปลิ้นออกมากดเบียดเส้นประสาท จนเกิดอาการปวดร้าวจากคอไปถึงแขน หรือจากหลังไปถึงขาและเท้า รวมถึงอาจมีอาการชาร่วมด้วย
ระยะรุนแรง เมื่อการกดทับเส้นประสาทรุนแรงขึ้น อาการปวด ชา และอ่อนแรงจะเริ่มเป็นมากขึ้น จนเส้นประสาทเกิดอาการบาดเจ็บ และอาจเสี่ยงต่อความพิการได้
วิธีการป้องกันการเกิดของโรค หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
1. ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไป
2. ระมัดระวังในการใช้งานหลัง
3. บริหารร่างกาย โดยเน้นท่าที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อหลัง
4. งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้เส้นเลือดที่นำออกซิเจนไปเลี้ยงหมอนรองกระดูกเกิดความเสียหายได้
สำหรับวิธีการดูแลรักษาผู้ป่วย แพทย์จะเป็นผู้ตรวจวินิจฉัย โดยสามารถวินิจฉัยได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกายเป็นหลัก อาจมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย เช่น ตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) และเลือกแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย โดยวิธีรักษาสามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวของผู้ป่วยเองไปจนถึงการรักษาโดยแพทย์หรือการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ในการรักษา ดังนี้
- ปรับสภาพการใช้งานให้ถูกต้อง ไม่ควรอยู่ท่าเดิมนานติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมง ควรจะลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถ หลีกเลี่ยงการก้มเงย หรือการยกของหนักเป็นประจำ
- การฝึกยืดกล้ามเนื้อหลัง เพื่อเป็นการลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ อันเป็นสาเหตุของอาการ ปวดหลัง
- ลดน้ำหนักและหลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง สำหรับผู้ที่มีปัจจัยการเกิดโรคจากปัญหาน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ ควรเริ่มต้นการรักษาด้วยการลดน้ำหนักแบบถูกวิธีและปลอดภัย เพื่อไม่ให้ภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเป็นหนักกว่าเดิม และควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อกระดูกสันหลัง
- กายภาพบำบัด วิธีการรักษาที่ได้ผลและได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงมากนัก คือการทำกายภาพ ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว โดยใส่อุปกรณ์พยุงหลังร่วมด้วย
- ยา การใช้ยาลดการอักเสบและยาคลายกล้ามเนื้อ เป็นวิธีการที่แพทย์ใช้ในการรักษาเบื้องต้นตามอาการ เพื่อลดอาการปวดและอักเสบ
- การผ่าตัด เมื่อใช้การรักษาด้วยวิธีข้างต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการบ่งชี้ถึงความรุนแรงของโรค เช่น ขับถ่ายลำบาก หรือปวดจนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อรักษาอาการกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถช่วยให้การผ่าตัดกระดูกสันหลังมีความปลอดภัยและแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลง เสียเลือดน้อย ลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วและลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
ด้วยความรุนแรงของโรค หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หากมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังไม่ควรปล่อยไว้ หรือรักษาด้วยวิธีที่ผิด เพราะอาจเกิดอาการบาดเจ็บมากขึ้น จนถึงขึ้นพิการได้ ส่งผลให้การรักษาทางการแพทย์ทำได้ยากและอาจใช้เวลานานขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี