สาว ๆ รู้จักโรคที่เรียกว่า กระดูกสันหลังเสื่อมบ้างไหมคะ อาการก็คือปวดช่วงท้ายทอยไปจนถึงหลัง ถ้าได้พักสักหน่อยจะดีขึ้น แต่พอทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็เจออาการเจ็บจี๊ด ๆ เหมือนเดิม หากไม่รีบดูแลตัวเอง กระดูกสันหลังจะเสื่อมจนหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท จากนั้นจะเริ่มเคลื่อนไหวลำบาก กล้ามเนื้อแขนขาชา อ่อนแรง อาจปวดหัว มีไข้ หนักสุดคือกลั้นการขับถ่ายไม่ได้ น่ากลัวขนาดนี้ ใครไม่อยากหลังพังจนต้องคนมาช่วยดูแล คงได้เวลาเช็กลิสต์แล้วว่า พฤติกรรมไหนของสาว ๆ เราที่กำลังทำร้ายกระดูกสันหลังโดยไม่รู้ตัว
พฤติกรรมที่ทำให้ผู้หญิงกระดูกสันหลังเสื่อม มีอะไรบ้างนะ
1. ใส่ส้นสูงไม่หยุด
สาว ๆ ที่ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ คงได้เวลาเปลี่ยนรองเท้าใหม่แล้วล่ะค่ะ เพราะเวลาที่เราใส่ส้นสูงนาน ๆ แกนกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อช่วงหลังจะต้องเอนตัวไปข้างหน้ามากขึ้น เพื่อให้เราทรงตัวอยู่บนรองเท้าส้นสูงได้ ซึ่งการเอนในลักษณะนี้จะทำให้กระดูกช่วงบั้นเอวรับน้ำหนักมาก เพราะแบบนี้เราถึงได้มีอาการปวดหลัง และเมื่อแนวกระดูกเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็มีสิทธิ์ทำให้กระดูกสันหลังเสื่อมสภาพ จนหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ซึ่งจะกลายเป็นอาการปวดหลังรุนแรง
นอกจากนี้ ท่ายืนเขย่งบนส้นสูง ยังทำให้กระดูกนิ้วเท้า เอ็นข้อเท้า เอ็นร้อยหวาย กล้ามเนื้อน่อง และหัวเข่า ต้องเกร็งตลอดเวลา ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด ตามด้วยอาการปวดน่อง เป็นตะคริว รวมทั้งส่งผลให้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมในอนาคต หรืออาจเกิดอุบัติเหตุเพราะข้อเท้าพลิกได้ด้วย จากที่เคยเป็นสาวมั่นเดินใส่ส้นสูงแบบสับ ๆ ก็อาจดูเป็นสาวน้อยซุ่มซ่ามไปในทันที หากจำเป็นต้องใส่จริง ๆ จึงควรเลือกที่มีความสูงไม่เกิน 1.5 นิ้ว จะกำลังดีที่สุดค่ะ
2. ท่านั่งไขว่ห้างสุดเฟียร์ส
ท่านั่งไขว่ห้างกลายเป็นท่านั่งยอดฮิตของผู้หญิงยุคใหม่ เพราะแสดงออกถึงความมั่นใจ ดูมีความเป็นสากล นั่งแล้วดูสวยเหมือนเหล่าดารานางแบบ ยิ่งถ้าใครที่ขาเรียวสวยอยู่เป็นทุนเดิม จะรู้สึกดีกับตัวเองมากเมื่อได้นั่งท่านี้ตามที่สาธารณะต่าง ๆ ซึ่งจริง ๆ ถือว่ามีประโยชน์มากในการสร้างภาพลักษณ์ และมันจะไม่เกิดผลเสียกับสุขภาพ หากเราหมั่นสลับเปลี่ยนนั่งด้วยท่าทางอื่นด้วย
แต่ที่ทุกวันนี้วงการแพทย์หลายที่ออกมาเตือน เป็นเพราะผู้หญิงเรายึดท่านี้เป็นท่าประจำตัว และนั่งด้วยท่านี้นานเกินไป ซึ่งโดยปกติจะทำให้แนวกระดูกสันหลังบิดมากอยู่แล้ว สาว ๆ หลายคนยังพลิกแพลงท่านั่งไขว่ห้างให้ล้ำขึ้น นั่นก็คือท่านั่งไขว่ห้างที่เรียกว่า Sussex Slant ซึ่งไม่ใช่แค่เอาขาข้างหนึ่งมาทับอีกข้างหนึ่งเฉย ๆ แต่พอทับแล้วกลับมีการจัดแนวขาทั้งสองให้ชิด และขนานกัน จากนั้นก็ปรับให้ลาดเอียงไปกับพื้น แล้วควรล็อกค้างที่ท่านี้ไว้เท่านั้น เพื่อที่จะได้ดูเหมือนกับสุภาพสตรีชั้นสูงมากที่สุด ที่สำคัญคือห้ามนั่งเต็มเก้าอี้ ซึ่งผิดหลักการท่านั่งที่ถูกต้องมาก ๆ ใครที่รู้ตัวว่านั่งแบบนี้มาตลอด ได้เวลาปรับเปลี่ยนเพื่อไม่ให้เจอผลเสียจากท่านั่งไขว่ห้างแบบผิด ๆ
3. อุปกรณ์เยอะจัด
ผู้หญิงเรายุคนี้ไม่ได้นั่งเหงา ๆ อยู่บ้านเหมือนสมัยก่อน แต่เรากลายเป็นสาวรักอิสระ แถมสตรองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อนสาวสายเที่ยวเก่ง ชอบตระเวนขึ้นเขาลงห้วย ก็ต้องแบกกล้องแบกพร็อพถ่ายรูปแบบจัดเต็ม หรือเป็นสาย Girl Boss วัน ๆ ได้แต่ Move ไปทำงานตรงนู้นที ตรงนี้ที มือหนึ่งถือโน้ตบุ๊ก มือหนึ่งถือเอกสาร คอก็หนีบโทรศัพท์คุยกับลูกค้าไปด้วย
ซึ่งการใช้ชีวิตเป็นสาวสายแบกแบบนี้ หากทำประจำ กระดูกสันหลังที่ต้องเจอแรงกดจากน้ำหนักตัวอยู่แล้ว ก็ต้องเจอน้ำหนักจากข้าวของพะรุงพะรังเหล่านั้นเพิ่มไปอีก ยิ่งสาวคนไหนที่ไม่เคยมีช่วงเวลาอยู่นิ่งเลย แรงกดยิ่งประทะไปตามข้อต่อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงกลายเป็นกระดูกสันหลังเสื่อม หมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้น กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นผลให้ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงไม่ได้เหมือนเดิม สุดท้ายอาจต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านเหมือนผู้หญิงสมัยก่อน
4. กึ่งนั่งกึ่งนอนดูซีรีส์วนไป
เราเข้าใจว่าท่านี้ทำให้ดูโอปป้าในจอได้สบายตา สบายใจที่สุด แต่กระดูกสันหลังคงต้องร้องไห้แน่ ๆ ถ้าคุณไม่หยุดทำพฤติกรรมนี้เสียที เพราะท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนจัดว่าเป็นท่านอนทำร้ายสุขภาพหลังแทบจะในทุกส่วน เริ่มต้นตั้งแต่กระดูกช่วงคอ กระดูกส่วนกลางหลัง ไปจนถึงส่วนล่าง
เพราะเวลาที่อยู่ในท่านี้ เราจะหน้างอคอพับ ส่วนหลังก็จะมีลักษณะงองุ้มมาก ตลอดแนวกระดูกสันหลังจึงเกิดแรงกดดันขึ้นได้ง่าย ส่วนกล้ามเนื้อยังเกิดอาการตึงตัวอย่างรุนแรง ใครที่ทำท่านี้บ่อย ๆ ถ้าลองสังเกตตัวเองจะพบว่านั่งไปนาน ๆ จะมีอาการปวดจี๊ดตามแนวกระดูก รวมทั้งการถือโทรศัพท์ค้างอยู่นาน ๆ กล้ามเนื้อช่วงแขนและมือยังเป็นเหน็บช้าได้ด้วย หรือเกิดอาการเจ็บข้อมือได้อีก เรียกว่า แทบจะหาข้อดีของท่านี้ไม่ได้เลย
เป็นยังไงบ้างคะ มีข้อไหนที่กำลังตรงกับตัวเองบ้าง เชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายคนคงมีครบทุกข้อเลย มาถึงตรงนี้ใครที่บอกว่าไม่ทันแล้ว เพราะกระดูกของฉันน่าจะเสื่อมแล้วแน่นอน อาจลองใช้เป็นท็อปเปอร์ที่นอนเพื่อสุขภาพ มาวางเสริมทับไปบนที่นอนตัวปัจจุบัน ก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังจากกระดูกเสื่อมได้
ใครที่เป็นสาวเที่ยวเก่ง ยิ่งต้องมีท็อปเปอร์ที่นอนเพื่อสุขภาพไว้ติดรถ เพราะท็อปเปอร์ที่นอนมีความหนาเพียง 2-3 นิ้ว พกพาได้สะดวก เก็บใส่กระเป๋าก็ไม่เสียงรูป คราวนี้จะเอนกายพักหลังสักแป๊บก็ง่ายแล้ว แต่สิ่งที่ดีสุดนอกจากใช้ท็อปเปอร์ที่นอนสุขภาพ คือการย้ำเตือนว่า ฉันต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ไลฟ์สไตล์สุดปังปุริเย่ อาจทำร่างกายปังปินาศไปซะได้