ความเจ็บป่วยด้วยอาการปวดหลัง ในอดีตนั้นมักเกิดในผู้ที่มีอายุมาก เนื่องจากร่างกายเกิดความเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันอาการปวดหลังกำลังเล่นงานคนหนุ่มสาวมากขึ้น เนื่องจากเราจำเป็นต้องทุ่มเทกับการเรียน หรือการทำงานอย่างหนัก เมื่อร่างกายถูกใช้งานมากเกินไป ปัญหาปวดหลังจึงตามมา ซึ่งอาการปวดหลังนั้นมีหลายแบบ และแต่ละแบบสามารถบ่งบอกโรคบางอย่างได้ ใครปวดหลังอยู่ต้องรู้ไว้ ก่อนสายเกินแก้
5 อาการปวดหลังที่พบบ่อย บ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง
1. ปวดหลังเป็นบริเวณกว้าง และมีอาการเฉียบพลัน – กล้ามเนื้อหลังอักเสบ
ลักษณะอาการนี้ความเจ็บปวดจะอยู่ที่ตัวกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ที่กระดูกสันหลัง มักเกิดจากการใช้งานแผ่นหลังหนักเกินไป เช่น แบกกระสอบข้าวสาร 50 กิโลกรัมโดยไม่มีคนอื่น/อุปกรณ์ช่วย, การเล่นกีฬาบางประเภท เช่น ยกน้ำหนัก รวมไปถึงอุบัติเหตุจากการยกของผิดท่า หรือแผ่นหลังถูกกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งท่าทางเหล่านี้ กล้ามเนื้อจะไม่สามารถยืดหยุ่นได้ทัน ทำให้เกิดการอักเสบและบาดเจ็บในทันที สังเกตได้ว่ากล้ามเนื้อจะแข็งเกร็งมากกว่าปกติ เวลาเดินอาจต้องแอ่นหลังอยู่ตลอดเวลา และจะไม่ได้ปวดที่จุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ แต่มักจะปวดทั่วแผ่นหลัง
2. ปวดหลังแบบขัด ๆ ก้มเงยได้ไม่ถนัด – โรคกระดูกสันหลังเสื่อม
ปวดหลังแถวแนวกระดูกสันหลัง หรือรู้สึกปวดตามข้อต่อ หากลองใช้มือกดไปตามข้อกระดูกจะรู้สึกปวดอยู่ด้านในลึก ๆ หรือเสียวแปลบ ๆ และจะต่างกับการปวดหลังแบบแรกตรงที่ สามารถระบุได้ว่าตรงไหนที่ปวดมากที่สุด เวลาที่ก้ม ๆ เงย ๆ จะทำได้ไม่สะดวก เพราะเกิดอาการติดขัด บางครั้งกล้ามเนื้อหลังอาจหดเกร็งค้างด้วย ทำให้ปวดหลังจากกล้ามเนื้อหลังอักเสบได้อีก ซึ่งอาการเหล่านี้บ่งบอกได้ว่า หมอนรองกระดูก ข้อต่อ หรือเส้นเอ็นกระดูกเริ่มเสื่อมสภาพ หรือเรียกว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อม ซึ่งกลุ่มเสี่ยงมักเป็นผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป
3. ปวดหลังร้าวลงแขนและขา ร่วมกับมีอาการชาและอ่อนแรง – โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
แตกต่างจากลักษณะอาการอื่นตรงที่ ไม่ใช่แค่ปวดกล้ามเนื้อหรือภายในกระดูก แต่จะมีอาการปวดร้าวอย่างชัดเจนตามแขนหรือขา ประกอบกับมีอาการชา ๆ ซ่า ๆ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หากถูกกดทับที่บริเวณคอจะปวดร้าวตามแขนจนถึงปลายนิ้ว หยิบจับสิ่งของเล็ก ๆ ไม่ได้ บางคนอาจปวดหัวร่วมด้วย ส่วนคนที่เส้นประสาทช่วงหลังลงไปถูกกดทับ มักจะปวดร้าวลงขาเป็นพิเศษ ทรงตัวไม่ได้ เวลาเดินจะชาที่ฝ่าเท้าเหมือนมีเข็มทิ่มตำอยู่ โดยปัจจัยที่ทำให้หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้ เป็นผลมาจากการอยู่ในท่าทางเดียวเป็นเวลาหลายชั่วโมง และไม่ได้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถให้ถูกต้อง เช่น นั่งทำงานผิดท่าอยู่เสมอ หมอนรองกระดูกจึงเจอแรงกดทับนาน ทำให้เสื่อมสภาพเร็วจนแตกหรือปลิ้นไปกดทับเส้นประสาทที่อยู่ด้านหลัง
4. ปวดหลังเหนือบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง – โรคไต โรคนิ่ว โรคกระเพาะอาหาร หรือมดลูกมีปัญหา
อาการปวดหลังเหนือบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง มักเป็นเพราะอวัยวะภายในมีความผิดปกติ เช่น เป็นโรคไต มีนิ่วในถุงน้ำดี มีการอุดตันที่ท่อไต กรวยไตอักเสบ ในท่อไตมีถุงน้ำโป่งพอง ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ และหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจทำให้เกิดภาวะไตติดเชื้อหรือไตวาย แต่ถ้าหากปวดช่วงบั้นเอวและมีอาการปวดท้องร่วมด้วย สันนิษฐานว่าอาจเป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือลำไส้อักเสบ นอกจากนั้น ผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องมดลูก ปีกมดลูก หรือรังไข่ ยังปวดหลังบริเวณนี้ได้เช่นเดียวกัน การปวดหลังเหนือบั้นเอวจึงบ่งบอกความผิดปกติได้หลายอย่าง ดังนั้นควรเข้ารับการรักษากับแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ตรงจุด
5. ปวดหลังโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีไข้ – วัณโรคกระดูกสันหลัง
อาการปวดหลังแบบไม่มีที่มาที่ไป รวมทั้งอ่อนเพลีย อาจเป็นสัญญาณว่า เกิดการติดเชื้อบางอย่างที่กระดูกสันหลัง หนึ่งในโรคที่มีความเป็นไปได้คือ วัณโรคกระดูกสันหลัง โดยวัณโรคกระดูกสันหลังนั้น เกิดจากการติดเชื้อไมโครแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium tuberculosis) ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่ทำให้เป็นวัณโรคปอดหรือที่ต่อมน้ำเหลือง อาการปวดหลังจะเกิดขึ้นที่จุดใดจุดหนึ่ง โดยเฉพาะบริเวณแนวกระดูกสันหลังหรือตามแนวเส้นประสาท และมักเป็นในช่วงกลางคืน มีเหงื่อออกมา รู้สึกเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง เมื่อปล่อยไว้นานจนมีอาการรุนแรง อาจส่งผลให้หลังค่อม เนื่องจากกระดูกบริเวณสันหลังถูกทำลาย หรือด้านข้างของกระดูกสันหลังเกิดการบวม
อาการปวดหลังที่เราเป็นกันอยู่ทุกวันนี้ อาจเป็นสัญญาณของหนึ่งในโรคดังที่กล่าวมาได้ ในบางคนอาจมีหลายโรคทับซ้อนกันได้อีก ดังนั้นต้องหมั่นสังเกตตัวเองให้ดี หากพบว่ามีอาการปวดต่อเนื่องมากกว่า 6 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ และหลังจากเข้ารับการรักษาแล้ว ควรเริ่มต้นรู้จักการดูแลตัวเองและเรียนรู้วิธีลดอาการปวดหลัง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เจออาการลุกลามจนฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ยาก ปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อดูแลแนวกระดูกสันหลังของเรามากมาย หนึ่งในนั้นคือหมอนเพื่อสุขภาพ ซึ่งผู้คนยุคนี้นิยมใช้กันมากขึ้น การปกป้องร่างกายในวันนี้จึงทำได้ง่าย เพียงแต่ต้องยึดหลักเรื่องความใส่ใจและสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ปัญหาเรื่องการปวดหลังเข้ามาแวะเวียนคุณได้น้อยลง