การนั่งไขว่ห้าง เรียกได้ว่าเป็นท่านั่งสุดฮิตของคนยุคนี้ โดยเฉพาะกับสาว ๆ มักชอบนั่งท่านี้เป็นพิเศษ เพราะนั่งแล้วทำให้ดูบุคลิกดี มีเสน่ห์จนคนต้องเหลียวมอง แต่รู้หรือไม่ การนั่งท่านี้เป็นประจำจนเคยชิน บวกกับนั่งเป็นเวลานาน ๆ สามารถส่งผลเสียกับสุขภาพได้
ท่านั่งไขว่ห้างส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร
อาการปวดหลังมาเยือน
การนั่งไขว่ห้างในลักษณะที่หน้าเชิด หลังตรง อาจไม่เป็นอันตรายนัก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า หลายคนที่นั่งท่านี้จนติดเป็นนิสัย และเมื่อใช้เวลานั่งแต่ละครั้งไปนาน ๆ น้อยคนนักที่จะประคองตัวให้นั่งตรงได้ สุดท้ายจึงได้เป็นท่านั่งแบบผิด ๆ ที่ไม่ได้ทำให้สบาย แต่กลายเป็นปวดเมื่อยไปซะได้
ลองคิดภาพตาม ก็เพราะเวลาที่เรานั่งในท่าดังกล่าว ขาข้างหนึ่งจะต้องยกมาทับอีกข้าง สะโพกของขาด้านบนถูกยกขึ้น ส่วนสะโพกขาด้านล่างถูกกดต่ำลง น้ำหนักตัวก็กดทับไปที่ก้นข้างใดข้างหนึ่ง ช่วงลำตัวก็บิดเอี้ยวไปด้วย
ผ่านไปสักพักลำตัวก็เอนล้ำไปข้างหน้ามากขึ้น หลังเริ่มโค้งงอ แนวกระดูกสันหลังเอียงและบิดตัว ไหล่ก็ไม่อยู่ในระดับเดียวกัน เรียกได้ว่า ร่างกายไม่สมดุลเหมือนกับท่านั่งที่นั่งลงไปแบบเต็ม ๆ ก้น
ถ้าดูตามพื้นฐานทางสรีรวิทยาแล้ว กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างจะได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงไม่แปลกที่นั่งท่านี้ไปนาน ๆ แล้วเกิดอาการปวดเอว ปวดสะโพก บางคนยังเกิดลามไปถึงการปวดคอได้ด้วย เพราะเวลานั่งท่านี้กระดูกเชิงกรานของเราจะหมุนเข้า ซึ่งกระดูกเชิงกรานนี้เป็นส่วนปลายสุดของกระดูกสันหลัง และรับแรงกดมาตั้งแต่ตามช่วงคอจนไล่มาตามกระดูกสันหลัง เมื่อมีการนั่งผิดท่าไปนาน ๆ ก็จะเกิดแรงกดที่ไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติขอร่างกาย ผลก็คือ เกิดอาการปวดเมื่อยตามแผ่นหลัง ยิ่งคนที่มีปัญหาปวดหลังอยู่แล้วแต่พยายามฝืนนั่งท่าไขว่ห้าง เพราะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มีแต่จะทำให้อาการปวดแย่ลง
เกิดภาวะข้อเท้าตก
เมื่อเข่าและขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นไปทับบนเข่าอีกข้างเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดการกดทับที่เข่าด้านล่าง และอาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทพีโรเนียล (Peroneal Nerve) ที่อยู่บริเวณด้านข้างกระดูกข้อเข่าด้านนอก นำไปสู่การเกิดภาวะที่เรียกว่า ข้อเท้าตก (Foot Drop) บริเวณเท้าจะมีอาการอ่อนแรง กระดกข้อเท้าขึ้นไม่ได้ เวลาเดินก็ต้องงอสะโพกมากขึ้น
แม้อาการนี้จะเป็นอยู่แค่ช่วงเวลาหนึ่งและหายไปเองได้ แต่คนที่ชอบนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน ๆ อย่างเช่น นักธุรกิจที่มักนั่งคุยงานกันอยู่หลายชั่วโมงด้วยท่านั่งนี้ อาจทำให้เส้นประสาทถูกกดทับ จนเกิดอาการชาที่กล้ามเนื้อ และอาจรบกวนการทำกิจกรรมต่อไป รวมถึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากภาวะข้อเท้าตก
แก้ไขยังไงได้บ้างถ้าจำเป็นต้องนั่งไขว่ห้าง
จริง ๆ การนั่งในท่านี้เป็นครั้งคราวไม่ได้ส่งผลเสียรุนแรง แต่ในสถานการณ์บางอย่าง เช่น การต่อรองทางธุรกิจ การพูดคุยที่ต้องการให้คู่สนทนาเห็นว่าคุณสบายใจหรือผ่อนคลายเวลาที่อยู่กับเขา หรือการแข่งขันที่เน้นการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี เมื่อสถานการณ์เหล่านี้อาจต้องใช้เวลานาน ก็มีวิธีแก้ไขเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับผลกระทบมากขึ้น เช่น
- หมั่นสลับขาทุก 20-30 นาที ซ้ายทับขวา ขวาทับซ้ายไปเรื่อย ๆ น้ำหนักตัวจะได้ถ่ายเทไปที่ก้นทั้งสองข้างได้อย่างสมดุล
- พยายามเงยหน้าเข้าไว้ เพราะเมื่อไรที่ก้มหน้า ตัวคุณก็จะอยู่ในท่าโค้ง และแนวกระดูกสันหลังก็เริ่มงอ
- กรณีที่ชอบนั่งในท่านี้เพราะรู้สึกผ่อนคลายเวลาได้ยกขาขึ้นมาพัก คุณอาจปรับท่านั่งให้ไม่ต้องยกขาข้างหนึ่งมาทับอีกข้างอย่างเต็มที่ แต่เป็นการไขว้กันที่ข้อเท้าแทน หรือจะเหยียดขายืดตรงออกไปแล้วไขว้กันก็ได้
ท่านี้เหล่านี้จะลดการกดทับไปที่ก้นข้างเดียว เพราะส่วนที่ทับกันเล็กน้อยมีแค่ช่วงขาหรือข้อเท้า ส่วนช่วงก้นก็ยังจะได้นั่งลงไปแบบเต็มเก้าอี้ ทำให้สะโพกอยู่ในแนวเดียวกัน และกระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรงมากกว่าท่านั่งไขว่ห้างแบบเดิม ๆ
อย่างไรก็ตาม หากไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง แล้วหันมาใช้ท่านั่งที่ถูกต้อง ก็จะถนอมร่างกายให้แข็งแรงได้นานขึ้น
ส่วนใครที่ทนนั่งท่านี้มาจนเมื่อยทั้งวัน การได้มาล้มตัวนอนพักบนท็อปเปอร์ยางพารา PATEX สักหน่อยก็คงจะดี เพราะท็อปเปอร์ยางพาราของเราผลิตจากน้ำยางพาราออแกนิกแท้ 100% และผ่านการวิจัย ออกแบบ รวมถึงพัฒนามาตลอดเป็นเวลากว่า 50 ปี จนได้เป็นท็อปเปอร์ยางพาราที่เข้าใจของคนไทย มีนวัตกรรม 7 BODY ZONE SUPPORT ช่วยแก้อาการปวดหลัง ปวดเอว ซึ่งมีสาเหตุจากการนั่งผิดท่าได้อย่างตรงจุด
ไม่ต้องเปลี่ยนที่นอนให้ยุ่งยาก เพียงแค่ซื้อท็อปเปอร์ยางพารามาวางทับไว้บนที่นอนของคุณ ก็สัมผัสประสบการณ์ผ่อนคลายได้เต็มที่ ไม่ต้องคอยกังวลว่านอนแล้วจะต้องปวดเมื่อย ช่วยให้หลับลึก และยังมีความนุ่มเหมือนได้ไปนอนอยู่ในโรงแรม 5 ดาว เพราะฉะนั้น จัดได้ว่าเป็นไอเทมที่ใครมีไว้ติดบ้านหรือติดรถก็ต้องดูเก๋ แถมยังดีต่อสุขภาพขนาดนี้ คงไม่มีไม่ได้แล้ว