เวียนหัว เป็นอาการที่เราแทบทุกคนต้องเคยประสบพบเจอกับตัวเองมาบ้างแล้ว ซึ่งจะมีลักษณะอาการโดยรวมก็คือ จะเกิดอาการมึนหัว หน้ามืด รู้สึกมึนงง สมองตื้อ ไม่แจ่มใส รู้สึกร่างกายลอยๆ ทรงตัวไม่ดี ไม่มั่นคง สับสน หรืออย่างที่เรียกกันว่า อาการบ้านหมุน โดยอาการเวียนหัวบ้านหมุนนั้นสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่อาจจะพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งในบางคนเมื่อเกิดอาการเหล่านี้อาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็สามารถเป็นได้และสามารถซื้อยามารับประทานเองได้ แต่หากมีอาการบ่อยและกำเริบในชีวิตประจำวันอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต่อตัวเองได้ และบางครั้งอาการเวียนหัวบ้านหมุนก็อาจเป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นของโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน
สาเหตุทำให้เกิดอาการเวียนหัว
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะมีหลากหลาย และมีสาเหตุมาจากหลายโรคที่ซับซ้อนซึ่งอาการเวียนหัวมี 2 ลักษณะ คือ
• อาการมึนเวียนศีรษะ (Dizziness) มีความหมายรวมตั้งแต่อาการมึนศีรษะไปจนถึงอาการวิงเวียนศีรษะ เวียนหัว ซึ่งเป็นอาการไม่เฉพาะเจาะจง เกิดได้จากโรคต่างๆ เช่น โรคทางระบบไหลเวียนเลือด โรคทางระบบประสาท และสมอง ภาวะโลหิตจาง เป็นต้น
• อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน (Vertigo) หมายถึงเฉพาะอาการเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุน หรือโคลงเคลงเท่านั้น ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมหมุนรอบตัวเองหรือตัวเองหมุน รู้สึกโคลงเคลงทั้งๆ ที่ตัวเองอยู่กับที่หรือไม่มีการเคลื่อนไหว ในรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีความรู้สึกเหมือนจะเป็นลม หูอื้อ การได้ยินลดลง หรือมีเสียงในหูร่วมด้วยได้
อาการบ้านหมุนเกิดจากอะไร
เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายในหูชั้นในที่ทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของร่างกายจึงทำให้เกิดบ้านหมุน เพราะร่างกายเสียสมดุลในการทรงตัว โดยจะมีอาการรู้สึกเหมือนบ้านหรือสิ่งของที่มองเห็นได้หมุนเฉียบพลัน ในบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
โรคที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการเวียนหัวบ้านหมุน
• โรคหินปูนในหูชั้นใน หรือ BPPV เป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุ โดยจะมีอาการเวียนหัวแบบบ้านหมุนขึ้นมาทันทีที่เปลี่ยนท่าทางของศีรษะ เช่น ล้มตัวลงนอน หรือก้มเก็บของ ในคนที่มีอาการมาก อาจทำให้มี คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรงได้ แต่การได้ยินมักจะปกติ
• โรคน้ำในหูชั้นในไม่เท่ากัน ผู้ป่วยจะมีอาการบ้านหมุนอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน มีเสียงในหู การได้ยินลดลง แน่นหู โรคนี้จะเกิดขึ้นเป็นเวลานาน มากกว่า ซึ่ง อาการกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
• การอักเสบของหูชั้นใน เกิดจากการอักเสบของเชื้อไวรัส มักมีประวัติการเป็นหวัด หรือระบบทางเดินหายใจอักเสบนำมาก่อน ถ้าเชื้อไวรัสลามเข้าสู่หูชั้นใน และเส้นประสาท จะทำให้เกิดการอักเสบ ทำให้มีอาการเวียนศีรษะรุนแรงและเป็นอยู่หลายวัน
• โรคไมเกรน นอกจากจะมีอาการปวดศีรษะข้างเดียวแล้ว บางรายอาจมีอาการเวียนหัวที่มักจะเป็น ๆ หาย ๆ สลับกันไป และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น การได้ยินจะลดลง หูอื้อ จนบางครั้งอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
• โรคที่เกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิต ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือโรคความดันโลหิตสูง ส่งผลให้เกิดภาวะเลือด ไม่เพียงพอต่อการไปเลี้ยงสมอง ทำให้มีอาการหน้ามืด และเป็นลมตามมา
• โรคทางระบบประสาทและสมอง เช่น โรคเนื้องอก หรือเส้นเลือดสมองตีบ ซึ่งมักพบร่วมกับอาการแขนขาอ่อนแรง เดินเซ พูดไม่ชัด
• โรคทางจิตเวช โดยสาเหตุนี้มักจะเกิดจากสภาพจิตใจร่วมด้วย เช่น อาการเวียนหัวอย่างมากเมื่ออยู่ในที่แคบ ที่สูง หรือที่ชุมชน เกิดอาการหายใจไม่เต็มอิ่ม มือเท้าชา และเย็น และแน่นหน้าอก เป็นต้น
อาการเวียนหัวบ้านหมุน
มักเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของศรีษะ ได้แก่
• ปวด มึนงง เวียนศีรษะ
• เดินเซทรงตัวผิดปกติ
• คลื่นไส้ อาเจียน น้ำมูก น้ำตาไหล
• สูญเสียสมดุลการทรงตัว
• หูอื้อ มีเสียงดังในหู
• หน้าซีด หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
• ความดันโลหิตสูง
ดังนั้นหากเรามีอาการข้างต้น เราควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด ว่าอาการที่เป็นอยู่เกิดจากสาเหตุใด แต่หากไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น แต่เป็นแค่อาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ก็ควรออกกำลังกายกล้ามเนื้อคอ บ่า ให้แข็งแรง และ เลือกหมอนที่เหมาะสม กับสรีระคอของตัวเอง อย่างหมอนยางพารา PATEX ที่สร้างตามหลักกายศาสตร์ รองรับสรีระคอได้อย่างถูกต้อง และนอนสบาย เพื่อปกป้องการกระตุ้นอาการและโรคเวียนหัวบ้านหมุนในอนาคต