7 พฤติกรรมเสี่ยงปวดหลังเรื้อรัง เลี่ยงด่วนถ้าไม่อยากทรมาน

ปวดหลังเรื้อรัง

“ปวดหลังเรื้อรัง” คือความเจ็บป่วยที่สร้างความรำคาญใจให้กับหนุ่มสาวออฟฟิศสมัยนี้ แต่รู้หรือไม่ว่า เพียงแค่เรารู้จักและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ปวดหลัง ชีวิตก็จะแฮปปี้ขึ้นเยอะ

พฤติกรรมเสี่ยงปวดหลังมีอะไรบ้าง

ติดกาแฟมากไป

1. ติดกาแฟมากไป

การดื่มกาแฟไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังโดยตรง แต่มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า คาเฟอีนจะทำให้แคลเซียมในร่างกายถูกขับออกมาทางปัสสาวะมากกว่าปกติ ทำให้กระดูกพรุนได้ง่าย จึงเป็นสาเหตุทางอ้อมที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง

ดังนั้นคนที่บริโภคคาเฟอีนมากกว่า 400 มิลลิกรัมต่อวัน (ประมาณ กาแฟ 4 แก้ว) รวมไปถึงดื่มเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีคาเฟอีน เช่น ชานม น้ำอัดลมร่วมด้วย จึงมีความเสี่ยงที่จะปวดหลังได้มากกว่า

กินเยอะจนอ้วน

2. กินเยอะจนอ้วน

เราเข้าใจว่าประเทศไทยมีแต่ของอร่อยเต็มไปหมด แต่การกินเยอะเกินไปจนกลายเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน จะทำให้กระดูกสันหลังต้องรับน้ำหนักมากขึ้น ยิ่งถ้าใครที่มีภาวะอ้วนลงพุง กล้ามเนื้อหลังจะยิ่งออกแรงดึงมากขึ้น เอวเกิดการแอ่นตัวมาก

เมื่อเป็นแบบนี้นาน ๆ จะส่งผลให้ตัวเจลลี่ในหมอนรองกระดูกอาจเคลื่อนออกมาสัมผัสกับเส้นประสาท ส่งผลให้เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่อาการปวดหลังธรรมดาจะค่อย ๆ ลุกลามเป็นการปวดร้าวลงขา หรือมีอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนต้องได้รับการผ่าตัด

นอกจากนั้น เราต่างรู้ดีว่าความอ้วนก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดัน หรือโรคหัวใจ ดังนั้นใครที่วางแพลนไปกินหมูกระทะทุกเย็น รีบหยุดตัวเองด่วน

ไอจามแรงเกิน

3. ไอจามแรงเกิน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ การไอจามแรง ๆ ที่เราคิดกันว่าทำแล้วโล่งคอโล่งจมูกดีจะเกี่ยวข้องกับอาการปวดหลังได้ด้วย

นั่นเป็นเพราะทุกครั้งที่คนเราไอหรือจาม ความดันในช่องปอดและท้องจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่วนกระดูกสันหลังที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับแรงกระแทกนั้นจึงทำงานหนักขึ้นไปด้วย หมอนรองกระดูกก็เกิดแรงดันขึ้นอย่างเฉียบพลัน

หากใครที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวไม่แข็งแรงอยู่แล้ว กล้ามเนื้อก็จะยิ่งเกิดการอักเสบได้ง่าย และเพิ่มความเสี่ยงที่จะปวดหลังเรื้อรังได้มากขึ้น รู้แบบนี้เวลาไอจามอย่านึกแต่ว่าจะให้จมูกและคอสบาย เพราะผลร้ายอาจเกิดขึ้นกับหลังของเราแทน

นั่งไม่ถูกต้องและนั่งท่าเดิมนาน ๆ

4. นั่งไม่ถูกต้องและนั่งท่าเดิมนาน ๆ

นี่เป็นพฤติกรรมที่เรามักทำกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศที่ต้องเคร่งเครียดกับการทำงานให้เสร็จทันเวลา จึงเผลอนั่งด้วยท่าทางที่ทำร้ายสุขภาพ เช่น นั่งหลังค่อม นั่งไขว่ห้าง นั่งกอดอก หรืออยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเป็นประจำ ล้วนเป็นท่าที่แนวกระดูกสันหลังเกิดการโค้งงอ

ที่สำคัญคือเรามักนั่งด้วยท่าเหล่านี้เป็นเวลานาน กระดูกสันหลังจึงเกิดแรงกดซ้ำ ๆ กล้ามเนื้อก็ไม่ได้ผ่อนคลาย แต่กลับสะสมความแข็งเกร็งอยู่เรื่อย ๆ และนี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลังเลิกงาน เราจึงเกิดอาการล้าจนแทบจะหมดแรงเดิน ดังนั้นเรียนรู้เรื่องการนั่งทำงานให้ถูกต้องไว้จะช่วยชีวิตเราได้มาก

ใส่ส้นสูงปรี๊ด

5. ใส่ส้นสูงปรี๊ด

การใส่รองเท้าส้นสูง ใคร ๆ ก็รู้ว่าทำให้ขาดูเรียวยาวน่ามอง แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังหลง ในอีกทางหนึ่งยังดูเหมาะกับการทำงานหรือกิจกรรมที่เป็นทางการได้มาก

แต่หากใครที่ใส่ส้นสูงเป็นเวลาหลายชั่วโมง และยิ่งมีความสูงมากกว่า 2 นิ้วด้วยแล้ว ภาพของความสวยงามนั้นก็ต้องแลกมากับการที่กล้ามเนื้อหลังและส่วนสะโพกต้องเกร็งตัวมากขึ้น เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้เดินแล้วล้มไปข้างหน้า สุดท้ายอาการปวดหลังเรื้อรังจึงตามมา

ดังนั้นต้องถามตัวเองให้ดีว่าพร้อมรับกับความเจ็บป่วยนี้ไหม ถ้าคิดว่าไม่ก็ปรับเป็นส้นเตี้ยลงมาหน่อย หรือใช้เป็นรองเท้าธรรมดาแต่การออกแบบดูดี แผ่นหลังก็จะได้มีความแข็งแรงเพิ่ม ความน่ามองเวลาเดินคงไม่ลดน้อยไปกว่ากันแน่นอน

สูบบุหรี่จัด

6. สูบบุหรี่จัด

ในทางการแพทย์เชื่อกันว่า สารนิโคตินในบุหรี่ส่งผลต่อการทำงานของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยง กล้ามเนื้อบริเวณกระดูกสันหลัง และอาจทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังด้านนอกมีปัญหา เนื่องจากไม่สามารถนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงบริเวณดังกล่าวได้เหมือนปกติ

ด้วยเหตุนี้ส่วนกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกของผู้ที่สูบบุหรี่จัดจึงอาจเสื่อมตัวลงก่อนเวลาอันควร ดังนั้นความเสี่ยงที่จะมีอาการปวดหลังเรื้อรังจึงเพิ่มมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง

ที่นอน/หมอนแข็งหรือนิ่มเกินไป

7. ที่นอน/หมอนแข็งหรือนิ่มเกินไป

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วพบว่า เราก็ไม่ได้มีพฤติกรรมดังข้อก่อน ๆ ที่กล่าวมาสักนิด แต่หลังตื่นนอนทีไร ทำไมถึงเจออาการปวดหลังแปล๊บ ๆ อยู่เรื่อยไป นั่นอาจเป็นเพราะว่าที่นอนและหมอนที่คุณใช้แข็งหรือนิ่มเกินไป หรือเรียกว่าไม่มีคุณภาพมากพอที่จะถนอมร่างกายให้คุณได้

เพราะเมื่อที่นอนหรือหมอนแข็งเกินไป กล้ามเนื้อและแนวกระดูกสันหลังก็ไม่ได้ผ่อนคลาย แต่ถ้านิ่มเกินไป กระดูกและมวลกล้ามเนื้อก็จะจมลงไปในที่นอนและหมอนมากเกิน จนเกิดการแอ่นตัวหรือโค้งงอได้ พอนอนในสภาพแบบนี้ไปเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมง และนอนเป็นประจำทุกวัน เราจึงเจออาการปวดหลังได้ในที่สุด

ข้อนี้จึงแก้ไขได้ง่าย ๆ เพียงแค่ปรับมาใช้เป็นชุดที่นอนและหมอนยางพารา ถ้ายังไม่พร้อมเปลี่ยนที่นอนใหม่ ก็เริ่มต้นจากหมอนยางพาราก่อน เพราะใคร ๆ ต่างรู้ดีว่า หมอนยางพาราคือหมอนเพื่อสุขภาพ ที่ออกแบบมาเพื่อแก้อาการปวดหลัง ลดปัญหาปวดคอ และวัสดุที่เป็นน้ำยางแท้ 100% จะมีความแน่นที่กำลังดี ประกอบความนุ่มแต่ไม่ยุบตัว จึงได้เป็นความนุ่มแน่นที่นอนสบาย สลายอาการปวดเมื่อยได้ทั้งหมด ใครอยากเข้าสโลแกนโตไปไม่ปวดหลัง มีหมอนยางพาราติดห้องนอนไว้สักใบก็อุ่นใจได้แล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และโฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ Cookies ที่เราใช้งานได้แก่ Google Analytics และ Facebook Pixel

บันทึกการตั้งค่า