อาการปวดหลังคืออาการที่มีความเจ็บปวดในบริเวณหลัง โดยอาการปวดหลังสามารถเกิดได้ทั้งที่หลังส่วนบน หลังส่วนล่าง หรือทั้งสองแบบ อาการนี้อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการเช่น การเอียงหลังหรือการกดทับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในบริเวณหลัง การใช้กล้ามเนื้อหลังไม่ถูกวิธี การทำกิจกรรมที่มีการยกของหนัก อาการของโรคเส้นประสาท หรืออาการของโรคกระดูกสันหลัง เป็นต้น
สำหรับคนที่มีปัญหาปวดหลังและไม่อยากที่จะเปลี่ยนท่านอน แต่เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงการเกิดอาการปวดหลัง สามารถใช้ท่านอนเดิมแต่อาจจะต้องใช้หมอนเพื่อช่วยกำหนดตำแหน่งร่างกายและท่าทางขณะนอน ค่อยๆ ทำซ้ำๆ จนปรับตัวเคยชินกับท่านอนใหม่ในที่สุดท่านอนหงายหน้าลง วางหมอนรองคอให้สูงขึ้น เพื่อให้คอได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม
1. ท่านอนตะแคงซ้ายหรือขวา
วางหมอนรองศีรษะและหมอนรองเข่าเพื่อให้ร่างกายได้เอียงไปที่ฝั่งที่ไม่มีอาการปวดหลัง
2. ท่านอนหงายหลังคว่ำลง
วางหมอนให้รองหลังและหมอนรองเข่า เพื่อให้ร่างกายได้เหยียดตัวอย่างเต็มที่
3. ท่านอนหงายหน้าลงบนพื้น
งอเข่าและวางเท้าลงบนพื้น วางหมอนรองแขนเพื่อให้ได้รับการสนับสนุน
4. ท่านอนตะแคงซ้ายหรือขวาแล้วยกเท้าขึ้น
วางหมอนรองเข่าเพื่อให้ได้รับการสนับสนุน
ท่านอนเหล่านี้สามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ แต่หากอาการปวดหลังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม
นอกจากการการฝึกปรับพฤติกรรมการใช้งานหลังตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
ยังมีวิธีการอื่นๆที่สามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ดังนี้
1. การพักผ่อน
การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาอาการปวดหลัง หากมีอาการปวดหลังควรหยุดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดอาการปวดและพักผ่อนให้เพียงพอ โดยนอนหลับในท่าที่เหมาะสมเป็นการช่วยลดอาการปวดหลังได้
2. การใช้แผ่นร้อนหรือแผ่นเย็น
การใช้แผ่นร้อนหรือแผ่นเย็นสามารถช่วยลดการบวมและอาการปวดได้ โดยใช้แผ่นร้อนหลังเป็นเวลา 20 ถึง 30 นาทีส่วนแผ่นเย็นใช้ได้เป็นระยะเวลา 10 ถึง 15 นาที
3. การฝึกเพื่อเสริมกล้ามเนื้อหลัง
การฝึกกล้ามเนื้อหลังอย่างเหมาะสมสามารถช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและป้องกันการเกิดอาการปวดหลังได้ โดยการฝึกกล้ามเนื้อหลังให้แรงพอที่จะรับน้ำหนักในชีวิตประจำวันได้โดยไม่เกิดอาการปวดหลัง
4. การทำโยคะ
โยคะเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อแบบผสมผสานกับการหายใจแบบลึกๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อหลัง จึงช่วยลดอาการปวดหลังได้
5. การปรับเปลี่ยนท่านั่งหรือท่ายืน
การปรับเปลี่ยนท่านั่งหรือท่ายืนให้เหมาะสม เช่น การนั่งหลังตรง การยืนแบน และการเปลี่ยนท่าบ่อยๆ เป็นวิธีที่ช่วยลดการกดทับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในบริเวณหลัง
6. การนวดหลัง
การนวดหลังสามารถช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดและระบบลมหายใจในบริเวณหลังได้ ซึ่งช่วยลดอาการปวดหลังได้
7. การควบคุมน้ำหนัก
การควบคุมน้ำหนักเหมาะสมและการดูแลสุขภาพให้เหมาะสมเป็นวิธีที่ช่วยลดการเสียหายของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในบริเวณหลัง
การป้องกันและรักษาอาการปวดหลังนั้นเป็นเรื่องสำคัญในการดูแลสุขภาพ สามารถทำได้โดยการดูแลรักษาสุขภาพโดยรวม รวมถึงการปฏิบัติตามวิธีการลดการเสียหายของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในบริเวณหลัง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การรักษาน้ำหนักที่เหมาะสม การนอนหลับที่เหมาะสม การควบคุมความเครียด การตรวจสุขภาพเป็นประจำ และการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม เมื่อมีการปฏิบัติตามวิธีการดูแลรักษาสุขภาพที่ถูกต้องและเหมาะสม เราสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ อาการปวดหลังเป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกมองข้าม ซึ่งถ้าเป็นเรื่องรุนแรงจนกลายเป็นอาการปวดหลังเรื้อรังอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้ การดูแลรักษาสุขภาพของหลังเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเพื่อป้องกันการเกิดอาการปวดหลัง ควรทำการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และตรวจสอบวิธีการใช้งานร่างกายในชีวิตประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดหลังในอนาคต