ทุกครั้งที่ลงจากเครื่องบิน ทำไมโลกมันดูหมุนติ้ว ๆ จนตาลาย มึนหัว ท้องไส้ปั่นป่วน หมดแรงจะเดิน คืนต่อ ๆ มายังนอนไม่หลับอีกต่างหาก นั่นแปลว่าคุณกำลังเจออาการเมาเครื่องบิน หรือ Jet Lag เล่นงาน ไม่อยากทรมาน มาเข้าใจไปกับ PATEX กันว่า อาการดังกล่าวเกิดจากอะไร มีอาการแบบไหน กี่วันหาย แล้วมีวิธีแก้และป้องกันยังไงได้บ้าง
เรียนรู้เรื่อง Jet Lag
Jet Lag หรือที่เรียกกันว่า เมาเครื่องบิน เป็นความผิดปกติของร่างกายที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถเป็นได้ เพราะเกิดจากการเดินทางบนเครื่องบินเป็นเวลานาน เช่น 10 ชั่วโมงขึ้นไป หรือผ่านเขตเวลาที่แตกต่างกันหลาย ๆ จุด ทำให้ระบบนาฬิกาชีวภาพในร่างกายแปรปรวน เพราะปรับตัวตามโซนเวลาใหม่ไม่ทัน
อาการส่วนใหญ่ที่พบก็คือ หลังเดินทางเสร็จผู้ที่เป็นจะเริ่มมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ หลับไม่สนิทเพราะสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย หรือนอนหลับได้แต่ยังง่วงนอนตลอดทั้งวัน, ระบบทางเดินอาหารมีปัญหา เช่น อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องร่วง, ปัญหาด้านอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย เฉื่อยชา รวมไปถึงมีปัญหาเรื่องความจำ มึนหัว และปวดเมื่อยตามตัว
ส่วนคำถามที่ว่ามีอาการ Jet Lag แล้วกี่วันถึงจะหาย ? ปกติอาการเหล่านี้จะหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่ยังมีผู้ที่เจออาการ Jet Lag รุนแรงหรือนานกว่า ได้แก่ ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว เช่น เป็นโรคนอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตัวง่าย ปวดหัวบ่อย ๆ และผู้ที่ข้ามเขตเวลาไปทางซีกโลกตะวันออก เพราะโซนเวลานี้จะเร็วกว่าซีกโลกตะวันตก ร่างกายจึงปรับตัวได้ยากกว่า
วิธีแก้ง่าย ๆ ที่บรรเทาอาการ Jet Lag ได้ดี
อาการ Jet Lag ยังไม่มีวิธีรักษาที่ช่วยให้หายขาดได้ในทันที เพราะส่วนใหญ่ต้องรอให้ร่างกายปรับตัวเอง แต่ยังพอมีวิธีที่ช่วยบรรเทาให้หายเร็วขึ้นได้ เช่น
- ออกไปเจอแสงแดดให้มากขึ้น
เนื่องจากนาฬิกาชีวภาพของร่างกายทำงานตามการขึ้น-ลงของดวงอาทิตย์ เมื่อเริ่มมีอาการ Jet Lag เมื่อไหร่ พยายามออกไปรับแสงให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รีเซตตัวเองตามแสงอาทิตย์ในพื้นที่นั้น ๆ ถ้าหากเพลียมากสามารถงีบหลับได้ แต่ไม่ควรเกิน 30 นาที และอย่าลืมเปิดหน้าต่างให้แสงส่องเข้ามาด้วย - หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ คาเฟอีน หรืออาหารมื้อใหญ่
เพราะร่างกายกำลังปรับตัว เมื่อเจออาหารมื้อใหญ่ ๆ ในทันที หรือเครื่องดื่มที่ทำให้มึนงง ยิ่งจะทำให้ร่างกายทำงานหนักมากขึ้น และเกิดอาการมึนหัว/คลื่นไส้รุนแรงได้ง่าย หากกระหายน้ำจึงควรเลือกเป็นน้ำเปล่าธรรมดา ๆ เพราะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้ดีกว่า และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ - ทำกิจวัตรประจำวันตามเวลาท้องถิ่น
โดยเฉพาะการทานอาหาร การนอน และการตื่นนอน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับโซนเวลาใหม่ได้เร็วที่สุด เช่น เมื่อถึงที่หมายในเวลาเที่ยง-บ่าย แม้จะทานอาหารมาแล้วและยังไม่หิว ก็ควรทานอะไรรองท้องไว้สักเล็กน้อย หรือเมื่อเพลียมากและอยากจะนอนยาว ๆ แต่เวลาท้องถิ่นยังไม่เข้าช่วงกลางคืน ก็พยายามฝืนไม่ให้ตัวเองงีบหลับนานเกินไป เป็นต้น แม้จะดูทรมานไปหน่อย แต่วิธีนี้จะส่งผลดีต่อร่างกายในระยะยาว
ไม่อยากเจอ Jet Lag ทุกครั้ง ต้องป้องกันไว้ก่อน
- วางแผนให้ถึงที่หมายก่อนล่วงหน้า 2-3 วัน
ก่อนที่จะจองตั๋วควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้าให้ดี โดยแนะนำว่าควรไปถึงที่หมายก่อน 2-3 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เจออาการ Jet Lag รบกวนในวันสำคัญ ใครที่มีนัดหมายทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงเยอะ ๆ เลือกให้ไปถึงก่อนล่วงหน้าสัก 4-5 วันเลยก็ได้ เพื่อจะได้มั่นใจว่าร่างกายปรับตัวได้อย่างสมบูรณ์แล้ว - เริ่มปรับตารางชีวิตตามเขตเวลาใหม่
ก่อนออกเดินให้ลองศึกษาเรื่องเขตเวลาของพื้นที่ที่จะไป พร้อมกับเริ่มปรับตารางการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารในมื้อต่าง ๆ และช่วงเวลาตื่นนอน-เข้านอน โดยให้ลองทำล่วงหน้าประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับกิจกรรมในช่วงเวลาใหม่ ๆ เมื่อไปถึงที่หมายอาการ Jet Lag จะได้รบกวนเราน้อยที่สุด - ก่อนวันเดินทางควรพักผ่อนให้เต็มที่
เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอ ย่อมทำให้ร่างกายเสียสมดุลหลายอย่าง เมื่อเผชิญสภาพการเดินทางบนเครื่องบิน ประกอบกับเจอสภาพแวดล้อมและเขตเวลาใหม่ ร่างกายจึงยิ่งแปรปรวนและส่งผลให้เจออาการ Jet Lag ได้มากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น งดดูซีรีส์ เล่นเกม หรือทำงานข้ามคืนก่อนวันเดินทาง นอกจากจะไม่เมาเครื่องบินแล้ว ยังลดความเสี่ยงเป็นโรคจากการนอนน้อยด้วยนะ - ดื่มน้ำให้มาก และงดแอลกอฮอล์ คาเฟอีน ก่อนขึ้นบิน
ความเหนื่อยล้าจากอาการ Jet Lag ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้จากภาวะขาดน้ำ ก่อนขึ้นบินรวมถึงระหว่างวันจึงควรจิบน้ำบ่อย ๆ ให้รู้สึกว่าสดชื่นเพียงพอ หากไม่จำเป็นอย่าดื่มเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะแม้ว่าปกติเราจะเป็นคนหนึ่งที่ดื่มได้และไม่มึนหัว แต่สภาพการเดินทางที่ไม่ราบเรียบเหมือนพื้นถนน อาจทำให้สมองเรามึนงงได้ หลีกเลี่ยงไว้ก่อนจึงดีที่สุด - พยายามนอนให้หลับขณะเดินทาง
กรณีนี้สำหรับคนที่ต้องเดินทางข้ามคืนและลงจากเครื่องในตอนเช้าตรู่ หรือคนที่มาถึงที่หมายในช่วงดึก เพื่อให้ร่างกายได้เข้านอนและตื่นนอนตามเขตเวลาใหม่ เราควรกล่อมตัวเองให้หลับให้ได้ขณะเดินทาง โดยใช้หมอนรองคอแก้ปวดคอไปด้วย เพราะการออกแบบของหมอนรองคอแก้ปวดคอมีความพิเศษ นั่นคือโอบรอบต้นคอและกระชับกับช่วงท้ายทอยได้ทั่วถึง ทำให้เลือดหล่อเลี้ยงสมองได้สะดวก จึงเป็นไอเทมสำคัญตัวหนึ่ง ที่ช่วยลดอาการมึนหัวเพราะ Jet Lag ได้
อาการ Jet Lag สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ปกติจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่บางคนอาจมีอาการคงอยู่นานกว่านั้น แต่ถ้าได้ลองทำตามวิธีแก้เบื้องต้นและเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองไว้ก่อน พร้อมกับพกหมอนรองคอแก้ปวดคอติดกระเป๋าเดินทางไปด้วยทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกลัวว่าอาการเมาเครื่องบินจะทำให้เราหมดสนุกในวันต่อไป