ทำไมตื่นมาแล้วปวดหลัง

การนอนเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการฟื้นฟูร่างกายและสมอง ซึ่งมีผลต่อสุขภาพและความเป็นประโยชน์ของร่างกาย ดังนั้น การนอนให้เพียงพอและมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ความสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว ควรให้เวลาการนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
การนอนนับว่าเป็นการพักผ่อนร่างกายที่ดีที่สุดของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เราเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆมา การนอนจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดถึงเวลาเหนื่อยล้า หลายท่านเคยสังเกตกันบ้างไหม ว่าการนอนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวดหลัง ปวดเอว หรือปวดคอ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่าเพราะอะไร อาการปวดนั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับการนอน

อาการตื่นมาก็ปวดหลังแบบไม่ได้ตั้งตัว ตื่นมาจะมีอาการตึงไปทั่วที่แผ่นหลัง โดยเฉพาะ บั้นท้าย และบั้นเอว แต่พอตื่นขึ้นมาสักพักอาการเหล่านี้ก็หายไป หลายท่านคงเคยเป็นกันบ้าง เราลองคิดดูว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร หรือมันเกิดอะไรขึ้นตอนนอน ถ้าเราลองมองย้อนไป สาเหตุอันดับแรกของการตื่นขึ้นมาแล้วปวดหลัง-ปวดเอว คือ ที่นอน หมอน เพราะที่นอนถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นสิ่งที่รองรับแผ่นหลัง หรือร่างกายของเรา และหมอนที่รองรับกระดูกต้นคอ รวมไปถึงท่าทางการนอนของเรา ว่านอนในท่าไหน ถ้านอนผิดท่าก็มักจะมีอาการปวดหลัง ปวดคอ ก็เป็นได้ ต่อมาคือ ความเครียด จากการทำงาน นั่งโต๊ะเป็นเวลานานๆ จนทำให้กล้ามเนื้อเกร็งโดยไม่รู้ตัว เมื่อนอนไปแล้ว ตื่นขึ้นมาอาจทำให้ปวดหลังได้จากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
ปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อยเมื่อตื่นนอนหรือหลังจากนอนหลับนานๆ

สาเหตุของอาการปวดหลังอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น

1. การนอนไม่ถูกวิธีหรือนอนในท่าไม่ถูกต้องทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่เหมาะสมและกดทับกับกล้ามเนื้อหลัง
2. การนอนบนที่นอนที่ไม่เหมาะสมหรือเก้าอี้ที่ไม่สมบูรณ์ทำให้หลังไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ

3. ความเครียดหรือภาวะเครียดที่เกิดจากการทำงานหรือสถานการณ์ชีวิตที่ไม่สบายใจ

4. การทำกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหลังมาก เช่น ยกของหนักหรือเล่นกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อหลัง
5. การมีอาการปวดหลังเป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดจากโรคหรือภาวะสุขภาพที่ไม่ดี เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคข้อกระดูกอักเสบ เป็นต้น

 

นอกจากการรักษาอาการปวดโดยใช้ยาระงับปวดและการฝึกเพื่อเสริมกล้ามเนื้อและกระดูกแล้ว ยังมีวิธีการช่วยป้องกันการเกิดอาการปวดหลังได้อีกด้วย เช่น

1. การทำกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น การออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น การเดินเร็วหรือย่อยเลือดเป็นระยะๆ

2. การนอนในท่าที่ถูกต้อง โดยใช้หมอนที่สูงพอเหมาะกับลักษณะร่างกาย เพื่อช่วยให้การหันศีรษะเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับร่างกาย
3. การเลือกใช้เครื่องแต่งกายที่สามารถรองรับร่างกายได้ดี เช่น รองเท้าที่มีความสบายและเพียงพอต่อการเดินทาง
4. การลดน้ำหนักตัวหากมีน้ำหนักเกินมาก โดยใช้วิธีการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารอย่างเหมาะสม

5. การใช้เทคนิคการคลายเครียด เช่น การทำโยคะหรือการสมาธิเพื่อลดความเครียดและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

 

เบื้องต้นควรแก้ไขจากสาเหตุที่กล่าวไปเบื้องต้นแล้ว เช่น การลองเปลี่ยนที่นอน หรือหมอน ให้เหมาะกับสรีระร่างกายเรา โดยมีความไม่นุ่มเกินไปและไม่แข็งเกินไป อีกทั้งเปลี่ยนท่าทางการนอนให้ถูกวิธี ซึ่งท่านอนตะแคงขวาเป็นท่าที่ดีที่สุด ถ้าเทียบกับการนอนหลับในท่าอื่น ๆ เพราะหัวใจเต้นสะดวกและอาหารจากกระเพาะ ถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทำให้ไม่คั่งค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานเกินไป และเป็นท่านอนที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้ดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังควรออกกำลังกาย เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดความตึงเครียดการหน้าที่ การงานในแต่ละวัน

การดูแลรักษาสุขภาพร่างกายเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดอาการปวดหลัง หากมีอาการปวดหลังที่รุนแรงหรือไม่ดีขึ้นตามเวลา ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาให้เหมาะสม